สเตฟานี โจแอนน์ แอนเจลินา เจอร์มาน็อตตา
(อังกฤษ: Stefani Joanne Angelina Germanotta)
หรือที่รู้จักในนาม เลดี้ กาก้า (อังกฤษ: Lady Gaga) เป็นศิลปินเพลงป็อบชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลี เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1986 เริ่มแสดงดนตรีครั้งแรกกับวงร็อกในนิวยอร์ก ในปี ค.ศ. 2003 เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนศิลปะทิสช์ แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ต่อมาได้อยู่ในสังกัดอินเตอร์สโคป และต่อสัญญากับค่ายสตรีมไลน์ ในเครืออินเตอร์สโคปในปี ค.ศ. 2007 เธอเคยเขียนเพลงให้กับศิลปินร่วมสังกัด ทำให้ความสามารถด้านการร้องเพลงของเธอได้รับความสนใจจาก Akon และได้เซ็นสัญญากับ คอนไลฟ์ดิสทริบิวชัน
The Fame อัลบั้มแรกของเธอ ได้วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2008 สามารถขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในสหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรีย เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์และไอร์แลนด์ และสามารถติดชาร์ต 1 ใน 10 อันดับแรกในอีกหลายประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา ที่สามารถทำสถิติขึ้นชาร์ตบิลบอร์ด 200 ในอันดับที่ 2 และขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตอัลบั้มเพลงแดนซ์/อิเล็กทรอนิกส์ ของบิลบอร์ด และอีกสองเพลงเปิดตัว คือ Just Dance และ Poker face ที่กาก้าร่วมแต่งและผลิตกับเรดวัน ก็เป็นที่นิยมและติดอันดับหนึ่งในหลายประเทศ รวมถึงอันดับต้น ๆ ของบิลบอร์ดฮอต 100 ในสหรัฐอเมริกา อัลบั้ม The Fame ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่มากถึง 6 สาขารางวัล และได้รับรางวัลในสาขาอัลบั้มเพลงอิเล็กทรอนิกส์/เพลงแดนซ์ยอดเยี่ยม และรางวัลเพลงแดนซ์ยอดเยี่ยมจากเพลง Poker Face ต้น ค.ศ. 2009 เธอออกทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกในชื่อ The Fame Ball Tour และในปลายปีเดียวกัน เธอได้ประกาศวางจำหน่ายอัลบั้มเสริม The Fame Monster เป็นอัลบั้มต่อจากอัลบั้มเปิดตัว The Fame อัลบั้มนี้ทำให้เธอได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ 6 สาขารางวัล สามารถขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งด้วยซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม คือ Bad Romance และได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่สอง The Monster Ball Tour ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
กาก้าได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงแนวแกลมร็อก โดยมีศิลปินอย่างเดวิด โบวี และวงควีน รวมทั้งนักร้องเพลงป็อป เช่น มาดอนนา และไมเคิล แจ็กสัน อีกทั้งแฟชั่น ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงและการแสดงของเธอ กาก้าอยู่ในอันดับที่ 73 ของศิลปินยุคคริสต์ทศวรรษที่ 2000 โดยการจัดลำดับของบิลบอร์ด ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2010 ยอดขายอัลบั้มของเธอทะลุ 15 ล้านสำเนา และ 51 ล้านซิงเกิลทั่วโลก[5] นิตยสารไทม์ส จัดลำดับให้เลดี้ กาก้า อยู่ในรายชื่อไทม์ส 100 ที่รวบรวมบุคคลทรงอิทธิพลต่อโลกประจำ ค.ศ. 2010 และใน 100 อันดับบุคคลที่มีชื่อเสียงที่มีอิทธิพลต่อโลก ส่วนนิตยสารฟอบส์ ได้จัดอันดับให้เธออยู่ในอันดับที่ 7 ของผู้หญิงทรงอำนาจที่สุดในโลกประจำ ค.ศ. 2010[6][7][8][9] เลดี้ กาก้า มีผลงานอัลบั้ม ที่ทำยอดขายสูงสุดในโลกประจำปี 2010 [10] ภายใน 2 ปี เธอมียอดขายอัลบั้มมากกว่า 55 ล้านชุด
2005 - 2007: เริ่มต้นสู่อาชีพศิลปิน[แก้]
กาก้าเซ็นสัญญาครั้งแรกกับค่ายเดฟแจม เมื่ออายุ 19 ปี แต่ 3 เดือนต่อมา ต้นสังกัดกลับยกเลิกสัญญา ไม่นาน ผู้บริหารค่ายเดฟแจมได้แนะนำเธอให้รู้จักกับเรดวัน นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกับผู้บริหารคนนี้
เพลงแรกที่กาก้าร่วมแต่งกับเรดวัน คือ Boys Boys Boys ที่ได้แรงบันดาลใจจากเพลง Girls Girls Girls ของ เมิทลีย์ ครือ และเพลง T.N.T. ของวง เอซี/ดีซี ที่ผสมผสานกัน เธอย้ายไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ในฝั่งตะวันออกทางใต้ และได้บันทึกเสียงหลายเพลงกับนักร้องฮิปฮอป แกรนด์มาสเตอร์ เมลล์ เมล เพื่อประกอบหนังสือเสียงสำหรับเด็ก The Portal in the Park ของ คริกเก็ต แคซีย์ เธอเริ่มตั้งวงร็อกในชื่อ สเตฟานี เจอร์มาน็อตต้า ซึ่งเป็นชื่อของเธอเอง ร่วมกับเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัย[21] พวกเขาได้บันทึกอีพีเพลงบัลลาดที่แต่งเองในสตูดิโอใต้ร้านเหล้าแถบนิวเจอร์ซีย์ ต่อมาได้เล่นประจำที่คลับแถวดาวน์ทาวน์ ในฝั่งตะวันออกทางใต้[15] หลังจากนั้นกาก้าเริ่มเสพโคเคนเมื่อครั้งการแสดงนีโอ-เบอร์เลสก์ พ่อไม่เข้าใจเหตุผลที่เธอเสพยาและไม่อาจทนเห็นลูกสาวของตนตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นได้ จึงพาไปบำบัดจนกระทั่งหายขาด[13]
ต่อมาโปรดิวเซอร์เพลง ร็อบ ฟูซารี เป็นคนช่วยเธอแต่งเพลงขึ้นอีกหลายเพลง โดยเขาเปรียบเทียบเสียงร้องของเธอว่าคล้ายกับเสียงของเฟรดดี้ เมอร์คิวรี[13][22] ฟูซารีเป็นคนที่คิดชื่อในวงการให้เธอว่า เลดี้ กาก้า หลังจากได้ฟังเพลงเรดิโอ-กาก้า ของวงควีน ซึ่งตอนนั้นกาก้ากำลังอยู่ในระหว่างคิดหาชื่อเพื่อใช้ในการแสดง เมื่อฟูซารีส่งความถึงเธอว่า "Lady Gaga" สเตฟานีจึงตัดสินใจใช้ชื่อนี้[22] และเป็นที่รู้จักทั่วไปหลังจากนั้น
อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า เรื่องที่ฟูซารีอ้างถึงที่มาของชื่อ "เลดี้ กาก้า" นั้นไม่เป็นความจริง และจริง ๆ แล้ว ชื่อ "เลดี้ กาก้า" ได้มาจากการพบกันทางธุรกิจกับเลดี้สตาร์ไลต์ ศิลปินแสดงสด ในค.ศ. 2007[23] และกาก้าได้ร่วมงานกับเธอนับแต่นั้นมา สตาร์ไลต์เป็นยังเป็นผู้สร้างสรรค์แฟชั่นบนเวทีการแสดงเองด้วย[24] ทั้งคู่เริ่มงานแสดงที่คลับในดาวน์ทาวน์นิวยอร์ก ชื่อ เมอร์คิวรี่เลานจ์ และเดอะบิตเทอร์เอนด์ รวมไปถึง เดอะร็อกวูดมิวสิกฮอล ด้วยความสามารถในศิลปะการแสดงสดและจำอวดของพวกเธอที่เป็นที่พูดถึงแล้ว ทำให้เป็นที่รู้จักในชื่อ "การแสดงเบ็ดเตล็ดของเลดี้ กาก้าและสตาร์ไลต์" โดยถูกยกย่องว่าเป็น "การแสดงป็อป-เบอร์เลสก์ชุดสุดท้าย" การแสดงของกาก้าและสตาร์ไลต์มีกลิ่นอายของยุคคริสต์ทศวรรษที่ 1970 ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2007 ทั้งสองได้รับเชิญให้ขึ้นแสดงสดบนเวทีในเทศกาลดนตรีอเมริกันลอลลาพาลูซา ค.ศ. 2007[25][26] การแสดงของพวกเธอในครั้งนั้นได้รับการตอบรับดีมาก และได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวก ด้วยความสนใจในการทดลองแนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ กาก้าค้นพบความสามารถทางดนตรีในตัวเองเมื่อตอนที่เริ่มผสมทำนองดนตรีป็อปกับเพลงแนวแกลมร็อกของเดวิด โบวี ลงในเพลงที่แต่งเอง[27]
ฟูซารีนำเพลงที่เขาและกาก้าได้แต่งร่วมกัน ส่งให้เพื่อนของเขาที่เป็นโปรดิวเซอร์และผู้บริหารค่ายเพลง ชื่อ วินเซนต์ เฮอร์เบิร์ต เฮอร์เบิร์ตเซ็นสัญญากับกาก้าทันที ภายใต้สังกัดสตรีมไลน์เรคอดส์ ในเครืออินเตอร์สโคป[28] ในช่วงของการก่อตั้งค่ายเพลงค.ศ. 2007 เธอยกย่องเฮอร์เบิร์ตว่าเป็นผู้ชายที่เห็นความสามารถของเธอ และกล่าวว่า "ฉันรับรู้ว่า เราได้สร้างประวัติศาสตร์ป็อปอีกครั้ง และกำลังทำให้มันเดินต่อไป" กาก้าได้เป็นนักแต่งเพลงคนใหม่ในค่ายเฟมัสมิวสิกพับลิชชิง แต่ต่อมาตกอยู่ภายใต้ความครอบครองของบริษัทโซนี่/เอทีวีมิวสิกพับลิชชิง[28] ดังนั้นเธอจึงถูกว่าจ้างให้แต่งเพลงให้กับบริทนีย์ สเปียร์ส และนักร้องร่วมค่ายอย่างนิว คิดส์ออนเดอะบล็อก เฟอร์กี้ และวงพุสซี่แคทดอล[29] ระหว่าการเขียนเพลงให้กับอินเตอร์สโคป เอคอน นักร้องและนักแต่งเพลง ได้เห็นความสามารถในเสียงทรงพลังของเธอ เมื่อได้ร้องเดโมเป็นตัวอย่างสำหรับเพลงในแทร็กของเอคอน หลังจากนั้นเอคอนได้ขอร้องประธานบริษัทอินเตอร์สโคป-เกฟเฟน-เอแอนด์เอ็ม และจิมมี ไอโอวีนซีอีโอของบริษัท ให้เขาร่วมกับบริษัทได้ปั้นกาก้าให้เป็นนักร้องร่วมกัน และให้เธอเซ็นสัญญากับเขาภายใต้ค่าย คอนไลฟ์ดิสทริบิวชัน เอคอนเรียกเธอว่า "แฟรนไชส์เพลเยอร์" กาก้ายังคงร่วมงานกับเรดวันต่อไปในสตูดิโอ เพื่อร่วมกันทำอัลบั้มแรกของเธอ พร้อมทั้งเตรียมเพลงใหม่ "Just Dance" และ "Poker Face" นอกจากนั้นเธอยังได้ร่วมงานกับค่ายเชอร์รี่ทรี สังกัดอินเตอร์สโคป ที่ก่อตั้งขึ้นโดยโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลง มาร์ติน เคียร์เซนบาอัม ทั้งสองได้แต่งเพลงด้วยกันถึง 4 เพลง หนึ่งในนั้นมีเพลงดังอย่าง Eh, Eh (Nothing else I can Say)[30]
2008 - 2010: อัลบั้ม The Fame และ The Fame Monster[แก้]
ในปี 2008 กาก้าได้ย้ายไปอยู่ที่ลอสแอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย และได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับต้นสังกัดที่นั่น และเร่งทำอัลบั้มเปิดตัว The Fame ให้เสร็จ โดยผสมผสานแนวเพลงที่แตกต่างกันลงในอัลบั้ม โดยใช้จังหวะมือจากกลองเมทัลของเออร์บานแทร็ค [22] สอดคล้องกับสรุปผลการวิจารณ์ดนตรีโดยเมต้าคริติค ให้คะแนนอัลบั้ม The Fame 71คะแนนจาก 100 เต็ม [31] อัลบั้มนี้ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในออสเตรีย, สหราชอาณาจักร, แคนาดา และไอร์แลนด์ ติดท็อปชาร์ต 5 อันดับแรกที่ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา
อัลบั้ม The Fame ทำยอดขายได้มากกว่า 12ล้านก๊อปปี้ทั่วโลก ด้วยเพลงเปิดตัวอัลบั้ม Just Dance ที่แตะชาร์ตอันดับ 1 ในกว่า 6 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย, แคนาดา, เนเธอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา [32] [33] ต่อมาถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ในสาขาเพลงแดนซ์ยอดเยี่ยม [34] เพลงที่สอง Poker Face นับเป็นความประสบสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เมื่อเพลงนี้ขึ้นท็อปชาร์ตอันดับ 1 ในเกือบทุกตลาดเพลงหลักในโลก รวมทั้งสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา เพลง Poker Face ได้รับรางวัล "เพลงแดนซ์ยอดเยี่ยม" ในงานประกาศผลรางวัลแกรมมี่ครั้งที่ 52 รวมถึงได้รับการเสนอให้เข้าชิงรางวัลในสาขา "เพลงแห่งปี" "บันทึกเสียงแห่งปี" และ รางวัลใหญ่ "อัลบั้มแห่งปี" ด้วย แต่ได้รับรางวัลในสาขาอัลบั้มเพลงอิเล็กทรอนิก-แดนซ์ยอดเยี่ยม แม้ว่าการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกของเลดี้กาก้าจะเป็นเพียงการแสดงเปิดเวทีให้กับนักร้องร่วมสังกัด นิว คิดส์ ออน เดอะ บล็อก [35] ในที่สุดเธอตัดสินใจออกเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกของตัวเอง The Fame Ball Tour ที่เริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2009 และได้รับคำชื่นชมพอควร [36]
กาก้าขึ้นปกนิตยสารโรลลิ่งสโตน ฉบับเดือนพฤษภาคม 2009 ในสภาพกึ่งเปลือยกาย สวมเพียงชุดฟองน้ำพลาสติดที่ปกปิดเพียงของลับเท่านั้น ในคอลัมน์ Hot 100 เธอได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเริ่มต้นสู่เส้นทางอาชีพสายดนตรี และได้พบรักกับมือกลองวงเฮฟวี่เมทัลขณะเล่นดนตรีอยู่ที่ไนท์คลับในนิวยอร์ก เธอเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอและสุดท้ายก็เลิกรากันไป เธอบอกว่าเขาเป็นเบื้องหลังแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้ม The Fame [37] ต่อมากาก้าได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลเอ็มทีวี วิดีโอมิวสิกประจำปี 2009 ทั้งหมด 9 สาขารางวัล แต่ได้รับรางวัลในสาขาศิลปินหน้าใหม่แห่งปี ส่วนเพลง Paparazzi ได้ชิงสองรางวัลคือ รางวัลการกำกับศิลป์ยอดเยี่ยมและรางวัลเทคนิคพิเศษในวิดีโอยอดเยี่ยม ในเดือนตุลาคมเธอได้รับรางวัลดาวรุ่งปี 2009 จากนิตยสารบิลบอร์ด[38]
เดือนเดียวกันกับที่เธอร่วมงานชุมนุมรวมพลังเพื่อความเท่าเทียม ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. [39] [40] เธอประกาศวางจำหน่ายอัลบั้ม The Fame Monster เพลงทั้ง 8 แทร็คกล่าวถึงด้านมืดของความมีชื่อเสียงโด่งดังที่จากประสบการณ์ในช่วงที่เธอทัวร์คอนเสิร์ตระหว่างปี 2008-2009 และถ่ายทอดผ่านคำ"Monster" (ปีศาจ) ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่สองของเธอ "The Fame Monster Ball Tour" จัดขึ้นเพื่อโปรโมตอัลบั้มนี้ และเริ่มทัวร์ในเดือนพฤศจิกายน 2009 [41] [42] "Bad Romance" เป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้ม และติดชาร์ตอันดับหนึ่งใน 18 ประเทศทั่วโลก และติดชาร์ตอันดับ 1 สองครั้ง ในสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เดือนธันวาคม [43]กาก้าได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ณ โรงละครแบล็กพลู ประเทศอังกฤษ ในการแสดงรอยัลวาไรตี้ ประจำปี 2009 และได้ใช้เพลง"Speechless" แสดงสดต่อหน้าพระพักตร์ด้วย เธอสวมชุดผ้ายางลาเท็กซ์เลียนแบบฉลองพระองค์ของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1ที่หลายคนเห็นว่าไม่เหมาะสม [44]
กาก้าได้ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 บุคคลน่าชื่นชมมากที่สุดแห่งปี 2009 โดยบาร์บารา วอลเทอร์ส ระหว่างรายการวอลเตอร์ส แอนนวล เอบีซี สเปเชียล ในระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการเธอเลี่ยงที่จะตอบคำถามในข้อกล่าวหาที่ว่าเธอเป็นกะเทยแท้ ที่มีสองเพศในตัวเองตามข่าวลือ และตอบกลับไปว่า "ตอนแรก ๆ เรื่องนี้มันแปลกแต่ทุกคนก็คิดว่ามันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ แต่ฉันเองเชื่อว่า ตัวเองมีภาพลักษณ์ของกะเทยจริงๆ และฉันเองก็รักพวกกะเทยด้วยนะ"[45]
เดือนมกราคม 2010 เธอได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทโพลารอยด์ ให้เป็นหัวหน้าทีมครีเอทีฟและให้เริ่มต้นสร้างสรรค์แฟชั่น, เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพ [46] เดือนกุมภาพันธ์ ซิงเกิลที่สองในอัลบั้ม The Fame Monster คือ "Telephone" ได้นักร้องหญิงอาร์แอนด์บี คือ บียอนเซ่มาร่วมฟีเจอร์ริ่งด้วย กลายเป็นเพลงลำดับสี่ของเธอที่สามารถขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในสหราชอาณาจักรได้ [47]
มีนาคม 2010 ร็อบ ฟูซารีฟ้องร้องบริษัทต้นสังกัดของเลดี้กาก้า เมอร์เมด มิวสิก แอลแอลซี ให้ข้อหาว่าได้รับส่วนแบ่งอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งควรจะได้รับ 20% จากยอดขายอัลบั้ม ชาร์ลส์ ออร์ทเนอร์ ทนายความของกาก้าฟ้องกลับฟูซารีว่าสัญญาที่กาก้าได้ทำกับฟูซารีนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ขอออกความเห็นใด ๆ ต่อสื่อมวลชน ท้ายที่สุดในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน [48] ศาลฎีกาสูงสูดนครนิวยอร์ก ยกฟ้องคำร้องของร็อบ ฟูซารี [49] [50]
เดือนเมษายนปีเดียวกัน มีรายงานว่ามิวสิกวิดีโอของเธอมียอดคนดูมากกว่าพันล้านครั้งบนเว็บไซต์ Youtube และกลายเป็นศิลปินคนแรกที่มียอดดูในหลักพันล้าน [51] เดือนเดียวกันกาก้าได้รับการเสนอชื่อจากนิตยสารไทมส์ ให้เป็นหนึ่งใน100 ของบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกแห่งปี 2009 ระหว่างให้สัมภาษณ์กับไทมส์นั้น เธอพูดเปรย ๆ ว่า กำลังป่วยด้วยโรคลูปัส ซึ่งเป็นโรคเนื้อเยื่อติดเชื้อรุนแรงในร่างกาย [52] สองเดือนต่อมาเธอให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทอล์กโชว์ของลาร์รี่ คิง ว่า ไม่ได้ป่วยด้วยโรคลูปัสแต่เล่าถึงผลการตรวจร่างกาย "พบว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็น" เพราะโรคลูปัสเป็นกรรมพันธุ์ในครอบครัว และป้าเธอเพิ่งเสียชีวิตไปด้วยโรคนี้
ปลายปี 2010 อัลบั้ม The Fame Monster ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ในสาขาอัลบั้มเพลงป็อบยอดเยี่ยมและอัลบั้มแห่งปี[53]
กาก้าและเอลตัน จอห์น ได้ปล่อยเพลงดูเอ็ตที่ร้องร่วมกันในชื่อ "Hello Hello" เพื่อใช้ประกอบภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นของดิสนีย์ "Gnomeo and Juliet" [54] และเดือนกันยายน 2010 กาก้าได้เซ็นสัญญาทางธุรกิจกับโคตี้ อินคอร์ปเปเรชั่น เพื่อผลิตน้ำหอมร่วมกันที่มีชื่อ "มอนสเตอร์" และออกวางจำหน่ายในปี 2012
2011 - 2012: Born this way[แก้]
เดือนมีนาคม 2010 กาก้าเปิดเผยว่า ได้เริ่มทำสตูดิโออัลบั้มใหม่ และเขียนธีมหลักของอัลบั้มเสร็จแล้ว สามเดือนต่อมา เธอประกาศว่าสตูดิโออัลบั้มที่สองใกล้เสร็จสมบูรณ์ "มันเร็วมาก ฉันทำงานนี้เป็นเดือน ๆ และรู้สึกได้ว่ามันเสร็จแล้ว ศิลปินบางคน อาจใช้เวลานานเป็นปี แต่ไม่ใช่ฉัน ฉันเขียนเพลงทุก ๆ วัน"[55]
กาก้าประกาศชื่ออัลบั้มใหม่ที่จะออกวางจำหน่ายในปี 2011 นี้ว่า "Born This Way"[56] [57] ในระหว่างขึ้นรับรางวัลวิดีโอแห่งปีบนเวทีเอ็มวีมิวสิกวิดีโออวอร์ดส์ ประจำปี 2010 [58] โดยกาก้าได้นำเพลงจากอัลบั้มใหม่มาใช้ร้องสดในทัวร์คอนเสิร์ตของเธอ คือ Born this way และอีกเพลงคือ Yoü and I ซึ่งเธอร้องเพลงนี้บนเวทีเทศกาลดนตรีลอลลาพาลูซา 2010 เพลง Born this way จะเป็นซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม ที่จะจำหน่ายในวันที่ 13 กุมภาพันธํ 2011 เธอกล่าวถึงอัลบั้มนี้ว่า "จะเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดในทศวรรษนี้" "เป็นสิ่งพาให้เรานอนดึกและรู้สึกสะพรึงกลัว" "เด็กเลวมุ่งสู่โบสถ์" และ "ความสนุกสนานขึ้นไปอีกระดับ" กาก้าอธิบายถึงเพลงใหม่ของตัวเองว่า "เป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่าผมปลอม ลิปสติก หรือ เสื้อผ้าที่เห็น"[59]
แล้วเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554 ซึ่งเป็นวันประกาศผลรางวัลแกรมมี่ อวอร์ส ซึ่งกาก้าได้ไปร่วมงานนี้พร้อมสร้างความตกตะลึงเมื่อกาก้าปรากฏตัวโดยนอนอยู่ในไข่ใบยักษ์ที่มีคนแบกเข้ามา โดยไข่นี้เป็นหนึ่งในการโปรโมทเพลงใหม่ที่กาก้าจะใช้เปิดตัวเพลงใหม่ในการแสดงงานนี้ และในงานแกรมมี่ ปีนี้ กาก้ากวาดรางวัลไปถึงสามรางวัล โดยอัลบั้มอีพี The Fame Monster ได้รับรางวัล อัลบั้มเพลงป็อปยอดเยี่ยม และ ศิลปินเพลงป็อปหญิงยอดเยี่ยม จากเพลง Bad Romance โดยในการแสดงกาก้าได้ร่วมแสดงในงานนี้ด้วย พร้อมเปิดตัวเพลงใหม่ Born This Way โดยกาก้าแสดงและเปิดตัวที่นี่ครั้งแรก พร้อมปล่อยลงโซเชียลมีเดียในวันเดียวกัน โดยเพลงBorn This Way ทำสถิติขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักร แคนาดา สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอีกหลายๆประเทศ และเพลง Born This Way ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กาก้าดดยมียอดดาวน์โหลดสูงถึง ห้าแสนครั้งภายในเวลา 5 ชั่วโมง ได้สร้างประวัติศาสตร์ยอดดาวน์โหลดสูงสุดที่ดาวน์โหลดผ่านทางเว็บไซต์ อแมซอน และ ไอทูนส์ และสองอาทิตย์ต่อมาได้ปล่อยมิวสิควีโอเพลง Born This Way ออกมาก็ได้สร้างความตกตะลึงอีกครั้งกับยอดคนดูในยูทูปที่มียอดเกิน 2 ล้านวิวภายใน 1 วัน
เพลง Born This Way ได้ประสบกับคำวิจารณ์อย่างหนักจนถึงปัจจุบัน โดยมีหลายคนเห็นถึงความคล้ายคลึงระหว่างเพลง Born This Way และเพลง Express Yourself ของมาดอนน่า ที่คล้ายกันมากเหมือนใช้คอดเพลงตัวเดียวกัน อีกทั้งเพลง Born This Way ได้ถูกตัดส่วนที่พูดถึงชาวรักร่วมเพศออกไปเพื่อเปิดในวิทยุของประเทศมาเลเซีย โดยมีกฎหมายออกมาอย่างทางการ พร้อมกับปรับเงินกับสถานีที่เปิดเพลงตัวเต็ม ที่ชาวรักร่วมเพศถือว่ายังเป็นสิ่งรับไม่ได้กับประเทศนี้ที่มีคนนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งในประเทศจีนยังถูกห้ามไม่ให้มีใครเปิดเพลง หรือจำหน่ายอัลบั้มของเธอในประเทศนี้
หลังจากหลายเดือนต่อมา กาก้าประกาศว่าเธอจะปล่อยเพลง Judas ที่มีเนื้อหาเพลงจากพระคัมภีย์ไบเบิ้ล โดยจะปล่อยพร้อมกับมิวสิควีโโอ แต่ไม่ทันจะปล่อย ก็ถูกต่อต้านอย่างหนักจากชาวคริสต์ ว่ากาก้าไม่สมควรเอาเรื่องจากพระคัมภีย์มาล้อเล่น หรือมาล้อเลียน เพราะกาก้าเธอเคยประกาศไว้ว่าจะนำเรื่องราวในพระคัมภัย์มาดัดแปลงทำเป็นมิวสิควีดีโอ แต่ในความจริง กาก้าแต่งเพลงJudas ขึ้นมาก็เพื่อประชดประชันแฟนเก่าของเธอที่ทรยศเธอ เหมือนจูดาสที่ทรยศต่อพระเยซูเพียงเท่านั้นเอง
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน กาก้าได้ปล่อยเพลง The Edge Of Glory ซึ่งเพลงนี้กาก้าได้รับแรงบันดารใจจากการเสียชีวิตของคุณปู่ของเธอ ที่ถึงจุดบั้นปลายของชีวิต โดยเหมือนเราอยู่ที่ขอบเหวที่ไม่สามารถหนีหรือเดินต่อไปได้ จึงต้องจบชีวิต เพราะจุดสิ้นสุดที่เราจะเดินต่อไปแล้ว หลังจากนั้น
ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2554 กาก้าได้เปิดตัวอัลบั้ม บอร์นดิสเวย์ โดยทำสถิติขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอีกหลายๆประเทศ มียอดขายเกิน 1 ล้านชุด ภายในไม่ถึง 5 วัน และมียอดดาวน์โหลดอัลบั้มทางอแมซอนและไอทูนส์ สูงเป็นประวัติศาสตร์ของวงการดนตรี โดยปีนี้กาก้าได้ถูกจัดอันดับจากนิตยสารฟอบส์ให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลอันดับ 1ของโลก และผู้ที่มีรายได้มากที่สุดของปี 2011 โดยเธอได้รายได้ส่วนหนึ่งจากยอดขายอัลบั้มและคอนเสิร์ต The Monster Ball ที่ปิดทัวร์ ก่อนขายอัลบั้ม
เมื่อต้นปี 2012 กาก้าและซินเธีย แม่ของเธอได้จัดตั้งมูลนิธิบอร์นดิสเวย์ขึ้น เพื่อเรียกร้องสิทธิเด็กและเพศที่สาม โดยปี 2012 นี้กาก้าได้เริ่มต้นทัวร์คอนเสิร์ตของเธอโดยใช้ชื่อว่าเดอะบอร์นดิสเวย์บอลทัวร์เป็นทัวร์รอบโลกโดยเริ่มที่แถบเอเชียก่อนและไปต่อที่แถบโอเซียเนียและยูโรป รวมถึงการแสดงในประเทศไทยที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ด้วย
2013 - 2014: Artpop และ Cheek to Cheek[แก้]
ในต้นปี 2013 ในระหว่างการทัวร์คอนเสิร์ตของกาก้า เดอะบอร์นดิสเวย์บอลล์ กาก้าได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้กาก้าต้องยกเลิกโชว์กว่า 20 โชว์ และใช้เวลา เกือบ 4 เดือนพักฟื้น และในเดือนกรกฎาคม กาก้าได้ประกาศอัลบั้มอย่างเป็นทางการ ในงานเลี้ยงของทีมงาน นั้นแสดงให้รู้ว่า หมดยุคของบอร์นดิสเวย์ เข้าสู่ยุคอาร์ตป็อปแล้วนั้นเอง
ซิงเกิลแรกของอัลบั้มคือเพลง Applause ที่กาก้าประกาศวันวางจำหน่ายเพลงในวันที่ 19 สิงหาคม แต่เนื่องจากมีแฮกเกอร์ ผู้เจาะข้อมูลพยายามดึงบางส่วนของเพลงออกมาปล่อยลงโซเชียล จนกระทั่งหลุดทั้งเพลง กาก้าจึงไม่สามารถทนสภาพของการดาวน์โหลดเพลงฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ จึงตัดสินใจปล่อยเพลงออกมาขายทางไอทูนส์ ในวันที่ 12 สิงหาคม เพื่อให้แฟนเพลงได้โหลดเพลงอย่างถูกกฎหมาย ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ดันไปชนกับวันเดียวกันกับวันขายซิงเกิลใหม่ ของเคที เพอร์รี กับซิงเกิล รอร์ จากอัลบั้มใหม่ของเธอ ปริซึม ซึ่งทำให้เกิดประเด็นระหว่างแฟนคลับกันเอง ซึ่งยอดขายเพลงแอพพลอส ก็นับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่แย่เลยทีเดียว ไม่อาจสู้ยอดขายเพลงรอร์ของเคทีได้ ซึ่งมิวสิควีดีโอได้ถูกเผยในวันที่ 19 สิงหาคมที่รายการ Good Morning America กำกับโดย Inez van Lamsweerde และ Vinoodh Matadin ซึ่งถ่ายทำในสตูดิโอที่ลอสแอนเจลิส ต่อมาเธอได้ประกาศซิงเกิลที่ 2 คือเพลง Venus วางจำหน่ายในวันที่ 27 ตุลาคม แต่เนื่องจากเพลง ดูวอทยูวอนต์ มียอดขาย และกระแสที่ดีกว่า กาก้าจึงเปลี่ยนเป็นซิงเกิ้ลแทนวีนัส
ซิงเกิ้ลที่ 2 ของอัลบั้มนี้ มีชื่อว่า " ดูวอทยูวอนท์ กาก้าประกาศอย่างเป็นทางการผ่านทวิตเตอร์ ว่าจะเป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ของอัลบั้มต่อจากเพลงแอพพลอส ที่จะออกจำหน่ายในรูปแบบดิจิตอลดาวน์โหลดผ่านทางไอทูนส์ เนื่องจากเพลงนี้มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดในอัลบั้ม กระแสดีเกินคาด และเป็นเพลงที่ขึ้นอันดับ 1 ได้เร็วที่สุดในปี 2013 กาก้าจึงประกาศเปลี่ยนเพลงนี้ที่เป็นเพลงโปรโมทก่อนอัลบั้มวางจำหน่าย เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 แทน ซึ้งเปลี่ยนเพลงวีนัส ให้เป็นเพียงโปรโมทซิงเกิ้ลเท่านั้น
"G.U.Y" ได้มาเป็น ซิงเกิ้ลที่ 3 อย่างเป็นทางการเมื่อกาก้ามีแผนที่จะพรีเมียร์มิวสิควีดีโอใหม่ของเธอในรายการโทรทัศน์ จึงได้มีการคอนเฟริมในทวิตเตอร์ของทางโปรดิวเซอร์รายการว่าเพลงที่จะเดบิวต์ในรายการนั้นคือ G.U.Y[60]
ในวันที่ 10 พฤศจิกายน กาก้าจัดงาน artRave ขึ้นมาที่นิวยอร์ก เพื่อให้แฟนเพลงได้ชมและร่วมงานเปิดตัวอัลบั้มอย่างเป็นทางการ ในงานกาก้าได้นำปติมากรรมทางศิลปะของเจฟ คูนส์ มานำเสนอในงานด้วย รวมถึงรูปปั้นปติมากรรมของเลดี้ กาก้า ที่นำไปใช้ในหน้าปกอัลบั้ม ที่เจฟ คูนส์ปั้นขึ้น ในงานกาก้าแสดงเพลง เป็นมินิคอนเสิร์ตของเธอ ซึ้งเธอแสดงไปทั้งหมด 9 เพลงจากอัลบั้ม
กาก้าประกาศคอนเสิร์ตของเธอขึ้น โดยใช้ชื่อว่า Artrave: Artpop Ball Tour
กาก้าได้ร่วมงานกับโทนี เบนเนต กับอัลบั้มเพลงแจ๊ซชื่อ Cheek to Cheek ถูกปล่อยเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2014 อัลบั้มนี้ทำรายได้ 131,000 ก๊อปปี้ในอาทิตย์แรก และได้รับรางวัลแกรมมี่ปี 2015 สาขา Best Traditional Pop Vocal Album กาก้ากับโทนี่เปิดคอนเสิร์ตร่วมกัน Cheek to Cheek Tour
2015: American Horror Story[แก้]
22 กุมภาพันธ์ 2015 เลดี้กาก้าได้ไปร่วมงานประกาศผลรางวัลออสการ์ และขึ้นแสดงโชว์เมดเล่ย์ The Sound of Music เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี ภาพยนตร์ มนต์รักเพลงสวรรค์ (The Sound of Music) โดยตอนจบการแสดงจูลี่ แอนดรูว์สเดินขึ้นมาเซอไพรส์บนเวที
เลดี้กาก้าได้ออกมิวสิควิดิโอเพลง Til It Happens To You เพลงประภาพยนตร์สารคดี The Hunting Ground เพื่อนำรายได้ของวิดิโอและเพลง ไปบริจาคให้กับองค์กรที่ช่วยเหลือแก่ผู้ที่เคยถูกทำร้ายหรือถูกละเมิดทางเพศ และเพลงนี้ยังติดชาร์ตอันดับ 1 Billboard Dance Club Song (ในเวอร์ชัน Remix) ในต้นปี 2016 อีกด้วย
20 กันยายน 2015 เลดี้กาก้าได้ไปร่วมงานประกาศผลรางวัลเอ็มมี โดยเธอได้เดินพรมแดงด้วยชุดที่เรียบหรู ธรรมดา ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงในความเปลี่ยนไปของเธอ เธอยังได้เข้าชิงรางวัลในสาขา Outstanding Variety, Music or Comedy Special ร่วมกับโทนี เบนเนตอีกด้วย
เลดี้กาก้าได้ร่วมแสดงซีรีส์ American Horror Story ซีซั่น 5 ในตอนที่ชื่อว่า Hotel โดยกาก้าแสดงเป็น อลิซาเบธ เจ้าแม่แฟชั่นและเป็นเจ้าของโรงแรมที่มีชื่อว่า Cortez เธอยังได้เข้าชิงสาขารางวัลเกี่ยวกับละครโทรทัศน์อีกหลายสาขาอีกด้วย
เลดี้กาก้า ได้ไปร่วมงาน Billboard Women in Music 2015 โดยเธอได้รับรางวัล Woman of the Year ทำให้เธอได้รับการยอมรับจากศิลปินมากมาย เช่น เคธี เบตส์,เอลตัน จอห์น,จูลี่ แอนดรูว์ส,โทนี เบนเนต ทั้งผลงานการแสดง และผลงานเพลง
If you're looking to lose weight then you certainly have to start following this brand new custom keto plan.
ตอบลบTo create this keto diet service, licensed nutritionists, fitness trainers, and chefs united to develop keto meal plans that are powerful, convenient, economically-efficient, and fun.
From their first launch in 2019, hundreds of clients have already transformed their body and well-being with the benefits a great keto plan can give.
Speaking of benefits: clicking this link, you'll discover eight scientifically-tested ones given by the keto plan.